สำหรับบทความนี้ก็เขียนขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการเลี้ยงหม้อข้าวหม้อแกงลิง
ก่อนจะไปกันต่อมีอยู่ 5 - 6 อย่างที่จะต้องทำความเข้าใจก่อนนั้นคือ
1. ปริมาณของแสงแดด
2. ชั่วโมงแสงแดด
3. ความชื้นของสถานที่ปลูก (ความชื้นน่ะครับไม่ใช่ความแฉะเพราะบางคนเข้าใจว่าตัวเดียวกัน)
4. สายพันธุ์ของหม้อข้าวหม้อแกงลิงต้นนั้นๆ
5. ชนิดของเครื่องปลูก (เจ้าสิ่งนี้ก็สำคัญมากเช่นกันเพราะไม้แต่ละพันธุ์มีระบบรากไม่เหมือนกันทนความแฉะของเครื่องปลูกได้ไม่เหมือนกัน )
6. อุณหภูมิของสถานที่ปลูก
เมื่อพอจะเข้าใจคร่่าวๆแล้ว ต่อไปก็จะอธิบายต่อในสไตล์ของผมเกี่ยวกับเจ้าสิ่งที่กล่าวไว้ข้างต้น
1. ปริมาณของแสงแดด คือ ความเข้มของแสงแดดที่ส่องโดนต้นไม้ที่เราเลี้ยง (มีความเชื่อผิดๆ ว่าหม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็นไม้ร่ม จริงๆ แล้วหม้อข้าวหม้อแกงลิง ส่วนใหญ่เป็นไม้แดดทั้งนั้น เพียงแต่ต้องการความเข้มของแสงไม่เท่ากันเท่านั้นเองมีตั้งแต่ต้องการแดดเป็นปริมาณ 50% จนกระทั่งถึง 100% เลยทีเดียว เจ้าแสงแดดเนี้ยมีผลต่อการออกหม้อของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงอย่างชัดเจน
2.ชั่วโมงแสงแดด (ตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่าอ้าวทำไมมันต่างกับข้อ 1 อย่างไร) เจ้าชั่วโมงแดดนี่มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียวบ่อยครั้งที่เราจะพูดถึงการเลี้ยงหม้อข้าวหม้อแกงลิงว่าต้องให้โดนแดด แต่ไม่ค่อยมีคนบอกว่าชั่วโมงแดดเนี้ยก็มีผลเยอะมากสำหรับการเลี้ยงหม้อข้าวหม้อแกงลิงแล้วจะรุ่งหรือจะร่วง จะออกหม้อหรือว่าจะเป็นไม้ใบ ส่วนใหญ่แล้วหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่ เป็นไม้ โลว์แลนด์เนี้ย ต้องการชั่วโมงแดด มากกว่า 3 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมีองค์ประกอบอื่นอีก
3.ความชื้นของสถานที่ปลูก ส่วนใหญ่แล้วหม้อข้าวหม้อแกงลิงต้องการความชื้นในอากาศในบริเวณที่เราปลูกไม่ต่ำไปกว่า 50%จนถึง 80% เลยทีเดียวแต่ส่วนใหญ่ถ้าทำให้บริเวณนั้นมีความชื้นอยู่ที่ 60% - 70% จะเป็นการดีมากเพราะถ้าความชื้นไม่ถึงในหลายสายพันธุ์ติ่งของหม้อข้าวหม้อแกงลิงจะไม่มีการพัฒนาเป็นหม้อหรือไม่ก็จะฝ่อไปดื้อๆ เลยทีเดียวในกรณีที่เลวร้ายมากมันจะเป็นเพียงแค่ไม้ใบเพราะแม้แต่ติ่งหม้อก็จะไม่สร้างด้วย เกือบลืมไปความชื้นเนี้ยมีผลกับขนาดของหม้อเช่นกันสำหรับสายพันธุ์ที่มีหม้อขนาดใหญ่น่ะครับ